by WheelSharee Posted on 2022-09-09
กลุ่มตัวแทนประชาชนที่ใช้ชื่อว่า "เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่" พร้อมกับชาวบ้านที่อาศัยใกล้เหมืองทองอัครา ในพื้นที่รอยต่อ จ.พิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ยื่นหนังสือต่อผู้นำฝ่ายค้านและพรรคร่วมฝ่ายค้าน เรียกร้องให้ตรวจสอบกรณีรัฐบาลอนุญาตให้ บ.คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บ.อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินการเหมืองทองอัคราสามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากที่ บ.คิงส์เกตฯ เปิดเผยว่ารัฐบาลไทยอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ 4 แปลง ปูทางสู่การเปิดเหมืองชาตรีอีกครั้ง โดยการอนุมัตินี้มีขึ้นไม่นานก่อนที่คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศจะเลื่อนการอ่านคำชี้ขาด "คดีเหมืองทองอัครา" ที่บริษัทฟ้องราชอาณาจักรไทยออกไปโดยไม่มีกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะมีคำชี้ขาดในวันที่ 31 ม.ค.
คดีเหมืองทองอัครา เป็นคดีที่ บ.คิงส์เกตฯ ฟ้องร้องต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชดเชยค่าเสียหายกว่า 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 30,000 ล้านบาท จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงนามในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 72/2559 สั่งปิดเหมืองทองอัครา ซึ่งบริษัทมองว่าเป็น "คำสั่งปิดเหมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลไทย" และเป็นคำสั่งที่ละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
นอกจากกลุ่มตัวแทนจากเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่แล้วยังมีตัวแทนชาวบ้าน อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก มาร่วมยื่นหนังสือดังกล่าวด้วยราว 20 คนโดยมี นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเป็นตัวแทนฝ่ายนิติบัญญัติรับเรื่องดังกล่าวพร้อมด้วยตัวแทนของพรรคฝ่ายค้านอื่น ๆ ด้วย
ตัวแทนเครือข่ายฯ ได้กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลที่อนุญาตให้ บ.คิงส์เกตฯ เตรียมกลับมาเปิดเหมืองทองอัครา พร้อมกับเรียกร้องให้ฝ่ายค้านนำปัญหาดังกล่าวไปอภิปรายซักฟอกรัฐบาล รวมถึงหาข้อมูลข้อเท็จจริงในกระบวนการอนุญาโตตุลาการมาเปิดเผยสู่สาธารณะ
น.ส. จุฑามาส ศรีหัตถผดุงกิจ ตัวแทนเครือข่ายฯ ระบุว่าเครือข่ายฯ ได้ติดตามกรณีนี้มาโดยตลอดและเห็นว่าเหมืองทองอัคราสมควรจะถูกปิด เนื่องจากการประกอบการมีข้อบกพร่องหลายอย่าง เช่น
-ประชาชนไม่มีส่วนร่วมกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการอนุญาตประกอบการเหมืองทอง
-บริษัทจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาชุมชนโดยรอบในระดับที่ต่ำมากคือเพียง 0.1% ของมูลค่าทองคำที่ได้
-เหมืองทองไม่มีแนวกันชน ทำให้หมู่บ้านที่อยู่ติดกับเหมืองกลายเป็นหมู่บ้านร้าง ชุมชนล่มสลาย,
-ไม่มีการฟื้นฟูพื้นที่ในระหว่างและหลังปิดเหมือง
"เป็นเรื่องน่าเสียใจที่รัฐบาลไทยไม่ได้นำข้อมูลนี้ไปใช้สู้คดีในขั้นอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศอย่างเพียงพอ เสมือนว่ามีพฤติกรรมสมยอมให้ไทยต้องแพ้คดีฯ หรือแลกกับการไม่แพ้คดีโดยให้ บ.คิงส์เกตฯ กลับมาทำเหมืองแร่ทองคำอีกครั้งได้" เธอกล่าว
ด้าน นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการรับหนังสือจากเครือข่ายประชาชนฯ ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการของทางรัฐสภาตามความประสงค์ของกลุ่มผู้ร้องเรียน
"ในปีนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เขียนญัตติเป็นการอภิปรายทั่วไปตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 152 เพื่อนำเรื่องเหมืองทองอัครา เรื่องการอนุญาตอนุมัติการเปิดเหมืองใหม่ การให้สิทธิบัตรต่าง ๆ เข้าไปเป็นประเด็นสอบถามข้อเท็จจริงในสภา" นพ. ชลน่านกล่าว และจะนำข้อมูลดังกล่าวที่เครือข่ายตั้งข้อสังเกตมาตั้งเป็นกระทู้สดสอบถามผู้เกี่ยวข้องในสภาทันทีในวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.)
นอกจากนี้ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวว่า จะลงพื้นที่ไปรับฟังความคิดเห็นและพบปะประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งผลักดันให้เรื่องนี้เข้าไปยังคณะกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเชิงลึกคู่ขนานไปด้วย
เหมืองทองอัครา เป็นมหากาพย์สะเทือนรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ มายาวนานตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช. ต่อเนื่องจนเป็นรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ หลัง พล.อ. ประยุทธ์ ใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ทำให้เหมืองทองอัคราไม่สามารถทำกิจการต่อได้ จากนั้นเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องกันระหว่างบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด จากประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กับราชอาณาจักรไทย คดีไปสู่การพิจารณาในอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จนที่สุดก่อนวันอ่านคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้ต่ออนุญาตใบประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำจำนวน 4 แปลง เป็นระยะเวลา 10 ปี และต่อใบอนุญาตโรงงานโลหกรรมอีก 5 ปี ให้กับบริษัท อัคราฯ และที่สุดอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้เลื่อนการอ่านคำตัดสินออกไป หลังจากเคยเลื่อนมาก่อนหน้านี้แล้วหลายครั้ง
จากการต่ออนุญาตใบประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำให้กับบริษัท อัคราฯ จึงนำมาสู่การตั้งคำถามจากฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทยว่า นี่คือการนำทรัพย์สินของชาติมาแลกกับการถอนฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ พล.อ. ประยุทธ์ควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบใช่หรือไม่
ก่อนจะไปสู่เรื่องนี้ เรามาทบทวนเรื่องราวของเหมืองทองอัครากันก่อน